ต่อขยายรถไฟฟ้าสีเขียวเดือด
ต่อขยายรถไฟฟ้าสีเขียวเดือด + ยักษ์คอนโดฯประชันโครงการ จากปุณณวิถีถึงบางนา/แลนด์-เอส&เอส-อนันดา ขอลุย
ยักษ์คอนโดฯประชันโครงการรอบใหม่ ริมส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียว จากสถานี "บุณณวิถี-บางนา" เดือด! ยักษ์ใหญ่วงการ แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ผุดคอนโดมิเนียมสร้างก่อนขาย 'เดอะรูม' 105 ยูนิต ค่ายที.ซี.ซี. แคปปิตอลแลนด์ ของเจ้าพ่อน้ำเมา เจริญ สิริวัฒนภักดี ขึ้น 'เอส&เอส' ซอยสุขุมวิท 101/1 กว่า 600 ยูนิต ขณะที่ค่าย "อนันดา" ยึดทำเล 103 เปิดขาย 'ไอดีโอ มิกซ์' กว่า 1,172 หน่วย ส่วนค่าย แกรนด์ ไดมอนด์ประตูน้ำผุด 'ไดมอนด์ สุขุมวิท' 480 ยูนิต
"ฐานเศรษฐกิจ" ทำการสำรวจโครงการคอนโดมิเนียมบริเวณส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงต่อขยายเพื่อตรวจสอบความเคลื่อนไหวของตลาดที่อยู่อาศัยในบริเวณดังกล่าวอีกครั้ง ท่ามกลางปัญหาการเมืองที่ยังเรื้อรัง และปัญหาราคาน้ำมัน ผนวกกับภาวะเงินเฟ้อ โดยพบว่าคอนโดมิเนียมที่เกิดขึ้นใหม่บริเวณดังกล่าวและพื้นที่ใกล้เคียง ส่วนใหญ่เป็นโครงการของผู้ประกอบการรายใหญ่-รายกลางที่อยู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ และมีขนาดโครงการที่ใหญ่ จะมีความแตกต่างจากในช่วงปี 2550 ที่เป็นผู้ประกอบการรายกลางและผู้ประกอบการหน้าใหม่ในตลาดและขนาดโครงการที่ไม่ใหญ่มากนัก
ทั้งนี้ บริเวณส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียว (อ่อนนุช-สำโรง) ใกล้กับสถานีบุณณวิถี ปากซอยสุขุมวิท 64 เป็นที่ตั้งโครงการ "เดอะรูม" คอนโดมิเนียมสร้างเสร็จก่อนขายของบริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ที่ซื้อที่ดินต่อมาจาก "นายธานินท์-ชนะชัย ลีนะบรรจง" ซึ่งเดิมมีแผนพัฒนาเป็นโครงการชื่อ พรีม่า ศรีครินทร์ ที่เข้ามาในธุรกิจอสังหาฯในนาม บริษัท พรรณสิริพร็อพเพอร์ตี้ จำกัด โดยมีจำนวน 451 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท หลังบริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ฯได้ซื้อต่อมา ได้ปรับลดจำหน่วยลงเหลือเพียง 105 ยูนิต ราคาเริ่มต้นต่อตารางเมตรอยู่ที่ 70,000 กว่าบาท มีขนาดยูนิตเริ่มต้นที่ 39 -46 ตารางเมตร
อย่างไรก็ตาม ไม่ห่างมากนักเป็นโครงการซิมโพนี มีจำนวน 78 ยูนิต ราคาขาย 62,000 บาทต่อตารางเมตร สามารถขายไปได้แล้ว 71 ยูนิต เหลือแต่เพียงยูนิตที่มีขนาดไซซ์ที่ใหญ่ 94-110 ตารางเมตรต่อห้องเท่านั้น และโครงการเดอะเซ้นซ์ (sense) อีกจำนวน 158 ยูนิต
นอกจากนั้นห่างออกไปบริเวณซอยสุขุมวิท 101/1 เข้าไปในซอย 600 เมตร เป็นที่ตั้งโครงการเอส&เอส สุขุมวิท 101/1 ของกลุ่มที.ซี.ซี. แคปปิตอลแลนด์ ที่พัฒนาในนาม บริษัท เอสแอนด์เอสเรสซิเด้นท์ฯ ถือหุ้นโดยฝ่ายไทย 60% และสิงคโปร์ 40% ทุนจดทะเบียน 3,800 ล้านบาท มีจำนวน 810 ยูนิต ราคาขายเริ่มต้นที่ตารางเมตร 40,000 บาท แบบสตูดิโอมีขนาด 29.5 ตารางเมตร ส่วน 1 ห้องนอน มีขนาดตั้งแต่ 36, 46 และ 48 สำหรับขนาด 2 ห้องนอน มีขนาด 59.5-68 ตารางเมตร ซึ่งในซอยฝั่งตรงข้ามกับโครงการเอส&เอส สุขุมวิท 101/1 เป็นที่ตั้งโครงการ ซิตี้คอนโดมิเนียม ของกลุ่มธุรกิจผ้าตระกูล "พิชิตสิงห์" พัฒนาในนามบริษัท สยามโฮม ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ที่เปิดตัวขายไปเมื่อปีที่ผ่านมา ประกอบด้วย 5 อาคาร บนพื้นที่ 7 ไร่ ราคาขายเริ่มต้นตารางเมตรละ 48,000 บาท มีจำนวนทั้งสิ้น 799 ยูนิต ขณะนี้อยู่ระหว่างการเปิดขายในเฟสสุดท้ายคืออาคารที่ 5 เรียกได้ว่าเป็นการประชันหน้าระหว่างดีเวลอปเปอร์หน้าใหม่กับกลุ่มทุนอสังหาฯรายใหญ่ของไทย
นอกจากนี้ บริเวณซอยสุขุมวิท 103 ยังเป็นที่ตั้งของโครงการ ไอดีโอมิกซ์ สุขุมวิท 103 ของค่าย อนันดาดีเวลลอปเมนท์ ซึ่งมีจำนวน 1,172 ยูนิต ประกอบด้วย 2 อาคาร ขนาดความสูง 21 ชั้น และเปิดขายเฉพาะชั้นที่ 5-13 เท่านั้น ราคา 65,000 บาทต่อตารางเมตร ส่วนชั้นที่ 14-21 ยังไม่เปิดขาย และยังมีโครงการที่ยังเหลือขายตั้งแต่ปี 2550 คือ โครงการเมโทรอเวนิว สุขุมวิท ที่เปิดตัวตั้งแต่ต้นปี 2550 ปัจจุบันขายได้เพียง 60% ของเฟสแรก โดยมีทั้งหมด 2 เฟส มูลค่าขายเฟสละ 700 ล้านบาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 1,500 ล้านบาท ซึ่งจากการสอบถามพนักงานของโครงการ พบว่าขณะนี้โครงการได้หยุดทำการขายแล้ว เพื่อเซตราคาขายใหม่อีกครั้งในช่วงสิ้นเดือนนี้ เนื่องจากราคาวัสดุก่อสร้างที่แพงขึ้นทำให้ไม่สามารถคำนวณต้นทุนค่าก่อสร้างได้
เช่นเดียวกับ โครงการเซ็นทริค 64 ของบริษัท เอสซีแอสเสทคอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) ซึ่งขายไปได้ 60% จากจำนวน 241 ยูนิต และได้หยุดการขายไปชั่วระยะเวลาหนึ่งเพื่อคำนวณต้นทุนค่าก่อสร้างใหม่และปรับราคาขายขึ้น โดยราคาเริ่มต้นที่ 60,000 บาทต้นๆต่อตารางเมตร
นอกจากนี้ บริเวณใกล้เคียงสถานีบีทีเอสอ่อนนุช ยังพบว่ามีโครงการคอนโดมิเนียมของกลุ่ม ช.ไชยภัทร์ ผู้พัฒนาโครงการแกรนด์ไดมอนด์ ประตูน้ำ อีกหนึ่งโครงการมีขนาด 480 ยูนิต
นายยงยุทธ์ ชัยพรหมประสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อควาเรียสเอสเตท จำกัด กล่าวว่า บริเวณส่วนต่อขยายสายสีเขียว (อ่อนนุช-แยกบางนา) ยังได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการคอนโดมิเนียมอย่างต่อเนื่องเพราะอยู่ในแนวรถไฟฟ้า แต่ใช่ว่าโครงการทั้งหมดจะขายดีเหมือนกันหมด ขึ้นอยู่กับว่าทำสินค้าที่ออกมา สอดรับกับความต้องการของตลาดในปัจจุบันหรือไม่ เช่น ขนาดไซซ์ ราคา นอกจากนั้นยังเป็นเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการซึ่งลูกค้าจะใช้เปรียบเทียบโครงการในทำเลใกล้กันว่ามีความต่างกันมากน้อยแค่ไหน และมีอะไรที่เหนือกว่าผู้ประกอบการรายอื่นๆ กล่าวคือลูกค้าใส่ใจในรายละเอียดทุกๆเรื่อง แม้กระทั่งทางขึ้นทางลงของสถานีรถไฟฟ้าโดยโครงการที่มียอดขายที่ดีมักจะอยู่ในรัศมีห่างจากสถานีรถไฟฟ้าไม่เกิน 200 เมตร
ทั้งนี้ จากผลสำรวจของบริษัท ในช่วงสุขุมวิท 101-103 พบว่าในปี 2551 มีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายโดยมีจำนวนหน่วยรวมกัน 4,300 ยูนิต เป็นโครงการเอส & เอส สุขุมวิท 101/1 ประมาณ 800 ยูนิต, โครงการซิมโฟนี สุขุมวิท 78 ยูนิต, โครงการไดมอนด์ สุขุมวิท 480 ยูนิต, โครงการเดอะรูม 105 ยูนิต, โครงการเซ็นทริค 241 ยูนิต ซึ่งขายไปได้แล้ว 70%, โครงการเมโทร อเวนิว 654 ยูนิต, โครงการเดอะมิวท์ 79 ยูนิต ขายไปแล้ว 72 ยูนิต และโครงการเดอะเซ้นซ์ 158 ยูนิต ขายไปได้แล้ว 100 ยูนิต ส่วนทำเลส่วนต่อขยายสาทร-ตากสิน ดีมานด์ย่านฝั่งธนบุรีมีมหาศาลแต่ราคาขายต้องสมเหตุสมผล ประกอบด้วยโครงการไอดีโอ สาทร จำนวน 200 ยูนิต, โครงการ Hive Taksin แสนสิริ 2 โครงการ, จำนวนรวม 720 ยูนิต และโครงการ The seed จำนวน 219 ยูนิต
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2346 07 ส.ค. - 09 ส.ค. 2551 //www.thannews.th.com/
Create Date : 07 สิงหาคม 2551 |
Last Update : 8 สิงหาคม 2551 18:18:42 น. |
|
0 comments
|
Counter : 713 Pageviews. |
|
|
|
| |